คลังเก็บป้ายกำกับ: ลิเวอร์พูล

‘คล็อปป์’ จวกเปาไม่ยุติธรรม-เป่าล้ำหน้าไม่ตีเส้น

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของทีมลิเวอร์พูล ไม่พอใจกับการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน ใจเกมที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งเหลือตัวผู้เล่น 9 คน บุกออกไปแพ้ให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ด้วยสกอร์ 2-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์

ลิเวอร์พูล เหลือตัวผู้เล่นแค่เพียง 10 คน ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก หลัง เคอร์ติส โจนส์ ได้ใบแดงโดยตรงไล่ออกในนาทีที่ 25 แต่ทว่า พวกเขากลับเป็นฝ่ายที่ได้ประตูออกนพจาก หลุยส์ ดิอาซ หลุดเข้าไปยิง ก่อนถูกจับล้ำหน้า

“ผมไม่เคยภูมิใจลูกทีมขนาดนี้มาก่อนเหมือนในวันนนี้ ผมไม่เคยเห็นเกมที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้มาก่อน มันเป็นการตัดสินที่บ้า” เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว

“พวกเราทำเข้าประตูตัวเอง มันทำใจยอมรับได้ลำบาก แต่ว่าผมภูมิใจ ใบแดงใบแรก เคอร์ติส เหยียบเข้าไปที่บอลและเท้าของเขามันตามน้ำไป มันไม่ใช่การเข้าประทะที่แย่เลย มันดูแตกต่างเมื่อดูภาพช้า”

“สำหรับใบเหลืองใบแรก มันไม่ควรเป็นในเหลือง หลังจากนั้นเขาโดนใบเหลืองที่สอง และการเหลือนักเตะแค่เพียง 9 คน มันเป็นอะไรที่ยากมากๆ”

Share

กูรูสุดมั่น ‘ซาลาห์’ ย้ายแน่ร้อนนี้

ริชาร์ด คีย์ มั่นใจว่า โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ซุปเปอร์สตาร์ของทีมลิเวอร์พูล กำลังจะย้ายไปร่วมทีมอัล-อิตติฮัต ในศึกซาอุดิ โปร ลีก ในสัปดาห์นี้

อีกทั้งยังเสริมด้วยว่ากองหน้าทีมชาติอียิปต์จะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์แน่นอน ถึงแม้ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะยืนยันว่า ซาลาห์ ไม่ย้ายทีมและรับประกันกับแฟนบอลหลังชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันอาทิตย์

“ตอนนี้ โม ซาลาห์ เขากำลังย้ายจาก ลิเวอร์พูล แน่นอน” ริชาร์ด คีย์ เปิดเผยกับ Sports View

“ผมคิดว่าพวกเราทุกคนต่างเห็นด้วย สิ่งที่พวกเราไม่รู้ก็คือเมื่อไหร่ แต่ผมคงไม่ประหลาดใจถ้ามันเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ หรืออาจจะรอจนกว่าจะถึงเบรคโปรแกรมทีมชาติ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อเสนอจากซาอุดิจะได้รับความสนใจจากเขา”

“คุณต้องทำความเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเราได้ยินอีกส่วนหนึ่งของโลกมันแตกต่างไปจากสิ่งที่เราได้ยินที่ราชอาณาจักร”

Share

ใครจะอยากอยู่ต่อ! หงส์แดงจำใจ พร้อมปล่อย เคลเลเฮอร์ ออกจากทีมหลังนักเตะเบื่อเป็นตัวสำรอง

ลิเวอร์พูล ทีมที่เพิ่งจะตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้ยืนยันแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะขาย ควิวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูตัวสำรองของทีมออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว หลังจากที่ตัวของ เคลเลเฮอร์ ต้องการที่จะหาทีมที่ให้โอกาสเขาลงเล่นแบบต่อเนื่องให้มากกว่านี้ ดาวเตะทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แม้ว่าจะหนึบแค่ไหน เมื่อลงสนามแล้วสามารถทำผลงานได้ดีมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่นายทวารตัวสำรองให้กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เท่านั้นจากในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา และตอนนี้มือ 1 ทัพยักษ์เขียวรายนี้ก็พร้อมแล้วที่จะมองหาสโมสรที่สามารถให้โอกาสเขาลงเฝ้าเสาเป็นตัวเลือกแรกได้เสียที

ด้วยเหตุนี้ “หงส์แดง” จึงตกลงที่จะขายเคลเลเฮอร์ออกจากทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ตามที่ Football Insider ได้กล่าวเอาไว้ โดยมันจะเป็นการปล่อยตัวของ เคลเลเฮอร์ ที่ลิเวอร์พูลเสียดายในความสามารถเป็นที่สุด แม้เจ้าตัวจะมีสถิติโปรแกรมบอลการรักษาประตูได้ดียิ่งก่อนย้ายมา ทว่ากลับไม่ได้โชว์ฟอร์มเท่าไหร่นับตั้งแต่ย้ายมารังหงส์แดง

สัญญาของเคลเลเฮอร์กับลิเวอร์พูล แม้ว่าจะได้รับการขยายออกไปจนถึงฤดูร้อนปี 2026 ก็ตาม แต่แข้งชาวไอริชรายนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองได้แค่นั่งตบยุงไปวันๆจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า และคาดว่าเขาจะย้ายทีมภายในฤดูกาลหน้า และคาดว่าจะเป็นการย้ายไปเล่นให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกันเอง มากกว่าจะย้ายไปเล่นในลีกต่างแดน และนอกจากนี้ เอเดรียน นายทวารตัวสำรองชาวสเปนอีกรายของลิเวอร์พูล ก็กำลังจะย้ายออกจากทีมด้วยเช่นกัน

Share

เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่นชมผลงาน มิเคล อาร์เตต้า ก่อนที่จะลงสนามพบกันในวันอาทิตย์

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทีม ลิเวอร์พูล รู้สึกประทับใจกับผลงานของ มิเคล อาร์เตต้า ในการคุมทีม อาร์เซนอล นอกจากนี้เขายังได้มีการชื่นชมถึงผลงาน 7 ผู้เล่นของ อาร์เซนอล ที่ทำได้ดี และช่วยยกระดับผลงานของ อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ขึ้นมาด้วย โดยในวันอาทิตย์นี้ ทางด้านของ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายที่เดินทางไปเยือน อาร์เซนอล ที่ เอมิเรตส์ สเตเดียม ซึ่งทางด้านของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็น่าจะมีความกังวลเล็กน้อยก่อนเกมนี้ เพราะ อาร์เซนอล ก็เป็นทีมที่พัฒนาตัวเองขึ้นมามากจากฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาเคยเอาชนะมา

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทได้ไม่ดีใน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ส่งผลให้พวกเขารั้งอันดับที่ 9 ของตารางคะแนน และมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล มากถึง 11 คะแนน และในเกมวันอาทิตย์นี้ก็เป็นโอกาสที่ดีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะลดช่องว่างระหว่างคะแนนนี้ลง และถ้าอิงจากสถิติก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองทีมเคยพบกันพวกเขาก็เคยเอาชนะ อาร์เซนอล ไปแล้ว 4 ครั้งจาก 5 เกมหลังสุด และไม่เคยเสียประตูให้กับ อาร์เซนอล เลยด้วยตั้งแต่เดือนกันยายน 2020

แต่สิ่งที่ ลิเวอร์พูล จะประมาทไม่ได้ก็คือฟอร์มอันร้อนแรงของ อาร์เซนอล ซึ่งทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากเดิมมากพอสมควร โดยพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะใน พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 7 นัดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้หลังจากที่ลงเล่นไปทั้งหมด 8 นัด และทีมของพวกเขาก็สามารถทำประตูได้ถึง 20 ประตู และเป็นทีมที่มีสถิติเกมรับที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งทางด้านของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ได้เปิดเผยด้วยว่าเขาได้ทำการบ้านในจุดนี้มาและหวังว่าเกมรุกของ ลิเวอร์พูล จะสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับทีม อาร์เซนอล ได้

ตอนนี้อีกหนึ่งผู้เล่นที่เริ่มทำผลงานได้ดีและน่าจะเป็นตัวความหวังของ ลิเวอร์พูล ก็คือ ดาร์วิน นูเนซ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่มีฟอร์มไม่ค่อยสม่ำเสมอมากเท่าไหร่ด้วยปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับทีม และเรื่องภาษาที่ใช้สื่อสาร แต่หลังจากการฝึกซ้อมในครั้งล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ก้ได้เปิดเผยว่าฟอร์มของเขาเริ่มมาแล้ว และเขาอาจจะเป็นคีย์แมนที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บชัยเหนือ อาร์เซนอล ในอาทิตย์นี้

Share

คล็อปป์ เชื่อว่าทีม ลิเวอร์พูล จะผ่านเข้ามาถึงรอบชิงได้อีกครั้งฤดูกาลหน้า

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล คาดว่าทีมของเขาจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งในปีหน้า โดยเขาได้บอกกับลูกทีมของเขาว่า “เราจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในปีหน้า” หลังจากที่ หงส์แดง แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 1-0 ที่ สตาด เดอ ฟรองซ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และผู้จัดการทีมชาวเยอรมันรายนี้ก็ดูห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัดหลังจบเกม พร้อมกับการให้กำลังใจลูกทีมของตัวดเอง

ลิเวอร์พูล พยายามยิงถล่มใส่ เรอัล มาดริด หลายครั้ง แต่ถูก ติโบต์ คูร์ตัวส์ เซฟประตูไว้ได้ทั้งหมด โดย ติโบต์ คูร์ตัวส์ สมารถเซฟลูกยิงจาก โมฮาเหม็ด ซาลห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ไปได้ถึง 9 ครั้ง และการยิงประตูของ วินิซิอุส จูเนียร์ เพียงแค่ประตูเดียว ในช่วงท้ายเกมของครึ่งแรกก็สามารถทำให้ เรอัล มาดริด คว้าชัยชนะในนัดนี้ไปครองได้ ซึ่งนี่นับเป็นแชมป์สมัยที่ 14 ของ เรอัล มาดริด สำหรับการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก

นั่นทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นโค๊ชคนแรกที่คุมทีมและคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งเขาถือเป็นโค๊ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ลีกยุโรปซึ่งเป็นถือเป็นลีกที่มีดิวิชันสูงสุดของยุโรป และยังช่วยให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก และยังส่งให้ ลิเวอร์พูล พลาดการเก็บถ้วยใบที่สามกลับสโมสร และทำให้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีแค่แชมป์ คาราวบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ อยู่ในมือเท่านั้น

Share

ซิมิคาส รับ รอโอกาสลงเล่นกับ หงส์แดง อย่างใจจดจ่อ

นักเตะวัย 24 ปี รายนี้ เจอกับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ารบกวน จนทำให้ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมมากนัก

คอสตาส ซิมิคาส แบ็คซ้ายของ ลิเวอร์พูล ออกมายืนยันว่า เขานั้นรอโอกาสที่จะได้เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่ย้ายมาจาก โอลิมเปียกอส และเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง

นักเตะวัย 24 ปี รายนี้ ย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 11.75 ล้านปอนด์ และได้ลงเล่นใน แชมป์เปี่ยน ลีก และ คาราบาว คัพ รวมแล้ว 4 เกมเท่านั้น “มันเป็นการเริ่มต้นที่ยากลำบากมากๆสำหรับผม เพราะผมแทบจะไม่เจอกับอาการบาดเจ็บเลย ตอนที่ยังอยู่กับทีมเก่า” ซิมิคาส กล่าว

“ผมโชคร้ายจริงๆ แต่มันก็เกิดขึ้นได้ในวงการฟุตบอล แต่โอเค ผมต้องไปต่อ ผมเป็นคนคิดบอก และผมก็ทำงานของผมต่อไป พรีเมียร์ ลีก เป็นลีกที่ การแข่งขันสูงอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ ผมได้แต่ตั้งตารอที่จะได้รับโอกาสต่อไป ผมพยายามรักษาความฟิตอยู่เสมอ และจะไม่ให้ได้รับบาดเจ็บอีก”

Share

สิ่งที่น่าสนใจเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

ศึกบิ๊กแมตช์ในคืนวันอาทิตย์สำหรับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 8 เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าจะได้เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม เพื่อรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า โดยเป็นทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่คว้าแชมป์ในฤดูกาล 2019-20 ด้วยการมีคะแนนมากกว่าทีมของ เป๊ป กวารดิโอล่า ถึง 18 คะแนน ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากันในเวลานี้

สิ่งที่น่าสนใจแรกก็คือเกมรุกของแมนฯ ซิตี้ จะสามารถจัดการเกมรับของลิเวอร์พูลที่ไม่มี เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งได้หรือไม่ แม้ว่า โจเอล มาติป จะมีโอกาสกลับมาลงสนามให้กับทีมของคล็อปป์ แต่ทีมของกวาร์ดิโอล่าก็เสียหายไปเหมือนกัน เมื่อไม่มี เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าตัวเก่ง โดยมีเพียง กาเบรียล เฆซุส ที่เพิ่งจะกลับมาลงสนามในเกมล่าสุดที่บุกไปถล่ม โอลิมปิก มาร์กเซย ได้ 3-0 โดยดาวยิงชาวบราซิลทำได้ด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม เควิน เดอ บรอยน์ ตัวทีเด็ดของแมนฯ ซิตี้ยังพร้อมลงสนามในเกมนี้ หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่น กับเกมที่เจอกันล่าสุดที่สนามแห่งนี้ เมื่อทีมถล่มลิเวอร์พูลไปได้ 4-0 ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ ฟิล โฟเด้น และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยังพร้อมลุยทั้งหมด

ทีมของคล็อปป์เล่นบอลยาวมากขึ้นอย่างชัดเจนในฤดูกาล เมื่อจะเป็นแดนหลังของทีมที่เปิดบอลไปให้สามประสานแดนหน้าสอดเข้าไปทำประตูและประสบความสำเร็จมาหลายเกม แน่นอนว่าเรื่องลูกกลางอากาศยังเป็นสิ่งที่แนวรับของแมนฯ ซิตี้ต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะ รูเบน ดิอาส กองหลังตัวใหม่ที่เพิ่งจะย้ายจาก เบนฟิก้า มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์

ฟูลแบ็คของลิเวอร์พูลจะสามารถปิดเกมทางด้านข้างของแมนฯ ซิตี้ได้หรือไม่ ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวล เมื่อ ไคล์ วอล์คเกอร์ และ เจา คันเซโล่ สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เมื่อเติมเกมขึ้นมาช่วยเกมรุก ในขณะที่ ริยาด มาห์เรซ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังเป็นสองนักเตะในตำแหน่งปีกที่มีโอกาสลงสนามมาเพื่อป่วนเกมรับด้านข้างของแชมป์เก่าด้วย นับเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายด้วยเหมือนกัน เมื่อตัวรุกของลิเวอร์พูลไม่ได้ลงมาช่วยเล่นเกมรับเท่าไหร่นัก

เฟร์ราน ตอร์เรส จะได้เจอกับบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ หากต้องลงเล่นในตำแหน่งกองหน้า หลังจากลงสนามในเกมที่เจอกับมาร์กเซยเมื่อกลางสัปดาห์และทำได้ 1 ประตู แต่เกมนี้จะเป็นการพบกับทีมที่แข็งแกร่งและแทบจะไม่มีเวลาสำหรับการครองบอลมากนัก หลังย้ายจาก บาเลนเซีย มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หากกวาร์ดิโอล่าตัดสินใจที่จะเลือกนักเตะลงสนามก่อนเฆซุส

Share

สิ่งที่น่าสนใจหลังจบเกม ลิเวอร์พูล 3-1 อาร์เซน่อล

เกมบิ๊กแมตช์ในพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 3 ของฤดูกาล 2020-21 จบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เหนือ อาร์เซน่อล ด้วยสกอร์ 3-1 เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงความยอดเยี่ยมของแชมป์เก่า และสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเดอะ กันเนอร์ส ต้องการกองกลางรายใหม่ที่จะถูกดึงไปร่วมทีม

1. อาร์เซน่อลมีโอกาสทำประตูได้ 3 ครั้ง ส่วนลิเวอร์พูล 24 ครั้ง โดยทีมครองบอล 31.1 เปอร์เซ็นต์ ผ่านบอลสำเร็จ 64 เปอร์เซ็นต์ สร้างโอกาสทำประตูได้ 2 ครั้ง และทีมเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในเดือนกรกฎาคม แต่การบุกมาเยือนแอนฟิลด์รอบนี้ ทีมมีโอกาสทำประตู 4 ครั้ง แชมป์เก่ามีโอกาส 21 ครั้ง โดยทีมครองบอล 33.1 เปอร์เซ็นต์ ผ่านบอลสำเร็จ 76 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็แพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1

2. กับความพ่ายแพ้ของมิเกล อาร์เตต้า ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องถูกประณามแต่อย่างใด เมื่อมองถึงความยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูล และสถิติการเล่นในบ้านในพรีเมียร์ลีกที่ทำได้อย่างโดดเด่น เมื่อ 40 เกมหลังสุดที่เล่นในแอนฟิลด์ ชนะได้ถึง 37 เกม และเสมอ 3 เกม และปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก

3. เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างทีมเหมือนกับสัตว์ประหลาดในเกมนี้ ทั้งการไล่เพรสซิ่งและการเล่นเกมรุกที่ทำได้อย่างโดดเด่น แม้อเล็กซานเดร ลากาแซ็ตต์จะมีโอกาสทำประตูอยู่ 2 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยิงผ่านมือของอลีสซง เบ็คเกอร์ไปได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ทิศทางของเกมยังไม่เข้าทางทีมเยือน บ่งบอกได้ถึงการเป็นระดับโลกของนักเตะหลายคนในทีม

4. ตำแหน่งกองกลางคือขุมกำลังที่สำคัญของทั้งสองทีมในเกมนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการวิ่งไล่เพรสซิ่งเหมือนกัน รวมถึงถ่ายบอลไปสู่กองหน้า หรือการประสานงานร่วมกับแผงหลัง ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลทำได้อย่างยอดเยี่ยม และกองกลางของทีมทุกคนก็มีโอกาสทำประตูทั้งหมด รวมถึงพละกำลังในการวิ่งไล่เพรสซิ่ง เมื่อแชมป์เก่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งแตกต่างกับทีมของอาร์เตต้าที่ช่วงหลังเริ่มหมดแรง แม้ทีมจะยังมีทีเด็ดในช่วงที่ดานี่ เซบายอส ถูกส่งลงสนาม

5. ฟาบินโญ่ และ ซาดิโอ มาเน่ ยังเป็นสองนักเตะที่ทำผลงานออกมาได้อย่างโดดเด่น และแทบจะสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะกองกลางชาวบราซิลที่สามารถดักทาง เล่นเกมรับ และผ่านบอลไปมาให้ไหลลื่น ในขณะที่มาเน่ยังเป็นตัวความหวังในการทำประตูและยังมีจังหวะที่เลี้ยงบอลและครองบอลได้อย่างน่าประทับใจ

Share

สิ่งที่น่าสนใจระหว่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล

เกมใหญ่ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 มาถึงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเพียงเกมที่ 2 ของฤดูกาลเท่านั้น โดยเป็น เชลซี ทีมที่จบในอันดับที่ 4 ของตารางคะแนนฤดูกาลที่แล้ว และทุ่มเงินไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ ในการยกระดับการเล่น โดยจะได้เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล แชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี และบทความนี้จะมองถึงความน่าสนใจในเกมนี้

ไค ฮาเวิร์ตซ์ และ ติโม แวร์เนอร์
ฮาเวิร์ตซ์ และแวร์เนอร์ เป็นสองนักเตะที่เชลซีทุ่มเงินรวมกันถึง 120 ล้านปอนด์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในเกมรุก เพื่อหวังที่จะทำลายเกมรับของแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังได้เห็นมาแล้วในเกมแรกที่พบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองทีมต่างเก็บ 3 คะแนนในเกมแรกได้เหมือนกัน เกมนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างขวัญกำลังใจในช่วงต้นฤดูกาลต่อไป และแน่นอนว่า ทั้งคู่ก็มีโอกาสที่จะต้องเผชิญหน้ากับแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สองฟูลแบ็คที่ได้รับการยกย่องในระดับโลกเหมือนกัน

นาบี้ เกอิต้า
เกอิต้ายังคงเป็นตัวความหวังในการสร้างผลงานให้กับลิเวอร์พูล เมื่อต้องเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนมาแทบจะตลอด และแฟนบอลแทบจะไม่ได้เห็นผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เชลซียังมีช่องว่างให้เห็นในแนวรับ เมื่อเห็นจากเกมแรกที่ทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด บุกไปเอาชนะไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ได้ 3-1

การเปิดเกมแลกของทั้งสองทีม
แน่นอนว่าในช่วง 10 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน และหากทีมไหนทำประตูได้ อาจจะกลายเป็นความได้เปรียบ เมื่อทั้งสองทีมเป็นทีมที่เล่นเกมรุกเหมือนกัน และกองหลังของทั้งสองทีมยังมีความผิดพลาดให้เห็น และเมื่อเจอกับเกมรุกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงของทั้งสองทีม น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเกิดประตูมากมายในเกมนี้

เชลซีอาจจะเลือกใช้แผงหลัง 3 คนอีกครั้ง
แลมพาร์ดเลือกใช้แผน 3-4-2-1 เมื่อเคยใช้มาแล้วในการบุกไปเยือนแอนฟิลด์ แม้ว่าเกมจะจบลงด้วยสกอร์ 5-3 และเป็นลิเวอร์พูลที่คว้าชัยชนะ แต่ก็เป็นเหมือนกับการเปิดแผลเกมรับของเจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาให้ได้เห็น ในขณะรูปเกมดังกล่าวก็ยังออกมาสูสี

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และมาร์กอส อลอนโซ่
ซาล่าห์ ซัดแฮตทริคในเกมที่พบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกมแรกของฤดูกาลมาได้ แต่เกมนี้มีโอกาสที่จะได้เจอกับอลอนโซ่ ที่มีปัญหาเรื่องเกมรับอย่างชัดเจน หลังเบน ชิลเวลล์ แบ็คค่าตัวแพงของสิงห์บลูยังลงสนามไม่ได้ เนื่องจากบาดเจ็บอยู่ น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจสำหรับเกมนี้ และอาจจะเป็นตัวชี้ชะตาผลของเกมการแข่งขันเลยก็ได้

Share

ฟานไดจ์ ลั่นขำๆ โด้ ไม่ใช่คู่แข่ง

ก็ถือเป็นสีสันของการแจกรางวัลบัลลงดอร์ฤดูกาล 2018-2019 เมื่อคืนนี้ เพราะมีนักข่าวถาม ฟานไดจ์ ว่า CR7 ไม่ได้มาร่วมงานนี้ก็ถือว่าหมดคู่แข่งไป 1 คนใช่หรือไม่ซึ่ง ฟานไดจ์ ได้ก็ตอบแบบติดตลกว่า
เขาเป็นคู่แข่งกับผมหรือ

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการต่อแบบขำ ๆเพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อแล้วว่า ทุกคนคือเพื่อนร่วมอาชีพ เขาไม่ได้มองใครเป็นคู่แข่งในรายการ แต่พี่สาวของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ก็จวกเข้ายับผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ในทุกช่องทาง ว่า

ฟานไดจ์ ไม่มีค่าพอที่จะมาเป็นคู่แข่งกับ  คริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งหลังจากมีการเผยแพร่ Social Media นี้ออกมา คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้ก็แค่บ่นๆว่าเขาแค่พูดขำๆ จะอะไรกันนักหนา ก็ถือว่าครอบครัวของ คริสเตียโน โรนัลโด้ มักจะมีเอฟเฟคกับรายการนี้แทบจะทุกครั้ง ที่ CR7 ไม่ได้รางวัลก็ไม่รู้ว่าใครจะแรงกว่ากัน

Share