คลังเก็บป้ายกำกับ: พรีเมียร์ลีก

ใครจะอยากอยู่ต่อ! หงส์แดงจำใจ พร้อมปล่อย เคลเลเฮอร์ ออกจากทีมหลังนักเตะเบื่อเป็นตัวสำรอง

ลิเวอร์พูล ทีมที่เพิ่งจะตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้ยืนยันแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะขาย ควิวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูตัวสำรองของทีมออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว หลังจากที่ตัวของ เคลเลเฮอร์ ต้องการที่จะหาทีมที่ให้โอกาสเขาลงเล่นแบบต่อเนื่องให้มากกว่านี้ ดาวเตะทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แม้ว่าจะหนึบแค่ไหน เมื่อลงสนามแล้วสามารถทำผลงานได้ดีมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่นายทวารตัวสำรองให้กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เท่านั้นจากในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา และตอนนี้มือ 1 ทัพยักษ์เขียวรายนี้ก็พร้อมแล้วที่จะมองหาสโมสรที่สามารถให้โอกาสเขาลงเฝ้าเสาเป็นตัวเลือกแรกได้เสียที

ด้วยเหตุนี้ “หงส์แดง” จึงตกลงที่จะขายเคลเลเฮอร์ออกจากทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ตามที่ Football Insider ได้กล่าวเอาไว้ โดยมันจะเป็นการปล่อยตัวของ เคลเลเฮอร์ ที่ลิเวอร์พูลเสียดายในความสามารถเป็นที่สุด แม้เจ้าตัวจะมีสถิติโปรแกรมบอลการรักษาประตูได้ดียิ่งก่อนย้ายมา ทว่ากลับไม่ได้โชว์ฟอร์มเท่าไหร่นับตั้งแต่ย้ายมารังหงส์แดง

สัญญาของเคลเลเฮอร์กับลิเวอร์พูล แม้ว่าจะได้รับการขยายออกไปจนถึงฤดูร้อนปี 2026 ก็ตาม แต่แข้งชาวไอริชรายนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองได้แค่นั่งตบยุงไปวันๆจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า และคาดว่าเขาจะย้ายทีมภายในฤดูกาลหน้า และคาดว่าจะเป็นการย้ายไปเล่นให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกันเอง มากกว่าจะย้ายไปเล่นในลีกต่างแดน และนอกจากนี้ เอเดรียน นายทวารตัวสำรองชาวสเปนอีกรายของลิเวอร์พูล ก็กำลังจะย้ายออกจากทีมด้วยเช่นกัน

Share

คริสเตียน สเตลลินี เผยว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ได้เข้ามาดูแลการฝึกซ้อมของทีมแล้ว

คริสเตียน สเตลลินี ผู้ช่วยโค๊ชของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยอมรับว่าเขายังไม่แน่ใจว่า อันโตนิโอ คอนเต้ จะรับหน้าที่คุมทีมในเกมที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งทางด้านของ อันโตนิโอ คอนเต้ เพิ่งผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกและเขาได้ฝากทีมไว้กับ คริสเตียน สเตลลินี ขณะที่เขาพักฟื้นร่างกายจากการผ่าตัด หลังจากที่พักฟื้นจากการผ่าตัดกับครอบครัวที่อิตาลี กุนซือชาวอิตาลีก็ได้บินกลับมายังอังกฤษ และถูกพบเห็นว่าเป็นผู้นำการฝึกซ้อมของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในวันพฤหัสบดี

อย่างไรก็ตาม คริสเตียน สเตลลินี สารภาพว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ได้รับคำสั่งว่าเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนและใจเย็นๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันว่าใครที่จะเป็นคนมาคุมทีมในเกมเยือน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในวันเสาร์นี้

คริสเตียน สเตลลินี เผยว่า “อันโตนิโอ คอนเต้ กลับมาแล้ว เช้านี้เขาอยู่ในสนามกับเรา เขาต้องผ่อนคลายสักหน่อย แต่เรามีความสุขมากที่ได้พบเขาอีกครั้งที่สนามฝึกซ้อม เขาใช้เวลากอดทุกคน เขาไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เขาจะทำในนัดต่อไป แต่เขากลับมาแล้วและเรามีความสุข”

ด้วยปัญหาสุขภาพที่น่าจะกำลังดีขึ้นของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้ตอนนี้แฟนบอลเริ่มกลับมาให้ความสนใจในเรื่องอนาคตของผู้จัดการทีมชาวอิตาลีรายนี้อีกครั้ง ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันของ อันโตนิโอ คอนเต้ จะหมดลงในช่วงสิ้นสุดฤดูกาล แม้ว่า ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะมีตัวเลือกในการขยายเวลาให้ อันโตนิโอ คอนเต้ อยู่กับสโมสรต่อไปอีก 12 เดือนก็ตาม

Share

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ สามารถเติมเต็มและช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข็งแกร่งขึ้น

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อว่าความสามารถของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะสามารถช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยในนัดแรกของการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก นักแรกในรอบแบ่งกลุ่มได้ หลังจากที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้ย้ายเข้ามาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 51 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์นี้ และในตอนนี้เขาสามารถทำประตูไปได้ถึง 10 ประตูจากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 6 นัดตั้งแต่เปิดฤดูกาล

นอกจากนี้เขายังทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับทีมเก่าของเขา โดยนักเตะหนุ่มวัย 22 ปีรายนี้สามารถทำประตูไปได้ 23 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมดไป 19 นัด และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เชื่อว่าเขาจะเข้ามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ทีมของเขาขาดไปสำหรับความหวังของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ต้องการพาทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองให้ได้ในยุคที่เขาคุมทีม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก ในคืนนี้ว่า “ผู้เล่นทุกคนที่สโมสรตัดสินใจเซ็นสัญญาด้วยในฤดูกาลนี้เข้ามาในทีมของเราเพื่อทำให้ทีมของเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญากับผู้เล่นเหล่านั้น และหลายคนก็ตั้งคำถามว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะช่วยให้ทีมของเราคว้าแชมป์ได้หรือไม่ ซึ่งคำถามนี้ผมก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ผมมีความเชื่ออยู่เสมอว่าแค่เพียง เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะไม่สามารถทำให้ทีมของเราคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน ผู้เล่นในทีมของเราต้องทำงานร่วมกัน และเขาก็เป็นสิ่งที่จะเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่ทีมของเราขาดหายไป”

“เหตุผลที่เขาเข้ามาที่เพราะเราพยายามโน้มน้าวเขา เพราะเรามีความรุ้สึกว่ามีผู้เล่นกองหน้าไม่กี่คนที่จะเข้ากับแผนการเล่นของทีมเราได้ และผมเอว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ มีในส่วนนั้น เขาเป็นนักเตะที่มีความพยายามและสามารถเล่นกับทีมของเราได้เป็นอย่างดี และเขาน่าจะเป็นส่วนหนี่งที่ช่วยให้ทีมของเราประสบความสำเร็จ”

Share

เชลซี กำลังพิจารณาที่จะซื้อตัว “เวสลีย์ โฟฟาน่า” จาก เลสเตอร์ ซิตี้

เชลซี กำลังทำการเจรจาเพื่อเซ็นสัญญากับ เวสลีย์ โฟฟาน่า นักเตะกองหลังของ เลสเตอร์ ซิตี้ และคาดว่า เลสเตอร์ ซิตี้ น่าจะเรียกค่าตัวของนักเตะหนุ่มรายนี้ในราคาที่สูงพอสมควรเพราะว่ายังเหลือสัญญากับสโมสรอีก 5 ปี โดยมีรายงานว่า เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถเรียกร้องค่าฉีกสัญญาได้สูงถึง 85 ล้านปอนด์

นักเตะทีมชาติฝรั่งเศสรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีได้เซ็นต่อสัญญากับ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปอีก 2 ปีในเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้เขาจะอยู่ที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดียม จนถึงปี 2027 และคาดว่าตอนนี้ เชลซี กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอในการขอซื้อตัวผู้เล่นรายนี้ ซึ่งน่าจะเป็นนักเตะที่เข้ามาอยู่ในแผนการทำทีมในฤดูกาลนี้ด้วย

ตอนนี้ เชลซี ได้มีการเซ็นสัญญากับ คาลิดู คูลิบาลี่ นักเตะหนุ่มจาก นาโปลี และตอนนี้พวกเขาก็พยายามที่จะเซ็นสัญญากับ นาธาน อาเก้ นักเตะหนุ่มของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ จูลส์ คูนเด้ นักเตะหนุ่มของ เซบีญ่า เพื่อที่เข้ามาแทนที่ 2 นักเตะที่ออกจากทีมไปหลังหมดสัญญา ไม่ว่าจะเป็น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ หรือ อันเดรส คริสเตียนเซ่น

เวสลีย์ โฟฟาน่า ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมปรีซีซั่นสุดท้ายของ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเอาชนะ เซบีญ่า ทีมจาก ลาลีกา ไปด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อวันอาทิตย์ นอกจากนี้อีกหนึ่งนักเตะตัวเก่งของ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้รับความสนใจจากทีมอื่นเช่นกัน โดยทางด้านของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้มีการยื่นข้อเสนอมูลค่า 40 ล้านปอนด์เพื่อที่จะเซ็นสัญญากับ เจมส์ แมดดิสัน ซึ่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็พร้อมที่จะปล่อยนักเตะหนุ่มรายนี้ออกจากทีมด้วยเช่นกัน

Share

คล็อปป์ เชื่อว่าทีม ลิเวอร์พูล จะผ่านเข้ามาถึงรอบชิงได้อีกครั้งฤดูกาลหน้า

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล คาดว่าทีมของเขาจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งในปีหน้า โดยเขาได้บอกกับลูกทีมของเขาว่า “เราจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในปีหน้า” หลังจากที่ หงส์แดง แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 1-0 ที่ สตาด เดอ ฟรองซ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และผู้จัดการทีมชาวเยอรมันรายนี้ก็ดูห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัดหลังจบเกม พร้อมกับการให้กำลังใจลูกทีมของตัวดเอง

ลิเวอร์พูล พยายามยิงถล่มใส่ เรอัล มาดริด หลายครั้ง แต่ถูก ติโบต์ คูร์ตัวส์ เซฟประตูไว้ได้ทั้งหมด โดย ติโบต์ คูร์ตัวส์ สมารถเซฟลูกยิงจาก โมฮาเหม็ด ซาลห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ไปได้ถึง 9 ครั้ง และการยิงประตูของ วินิซิอุส จูเนียร์ เพียงแค่ประตูเดียว ในช่วงท้ายเกมของครึ่งแรกก็สามารถทำให้ เรอัล มาดริด คว้าชัยชนะในนัดนี้ไปครองได้ ซึ่งนี่นับเป็นแชมป์สมัยที่ 14 ของ เรอัล มาดริด สำหรับการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก

นั่นทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นโค๊ชคนแรกที่คุมทีมและคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งเขาถือเป็นโค๊ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ลีกยุโรปซึ่งเป็นถือเป็นลีกที่มีดิวิชันสูงสุดของยุโรป และยังช่วยให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก และยังส่งให้ ลิเวอร์พูล พลาดการเก็บถ้วยใบที่สามกลับสโมสร และทำให้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีแค่แชมป์ คาราวบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ อยู่ในมือเท่านั้น

Share

5 แข้งเชลซีที่คุณแทบจะจำไม่ได้ว่าเคยอยู่กับทีม

เชลซี คือทีมที่โดนเปลี่ยนแปลงโชคชะตาแบบคาดไม่ถึงเมื่อตอนปี 2003 ทำให้พวกเขาพัฒนาจากทีมธรรมดาๆให้กลายมาเป็นยอดทีมของพรีเมียร์ลีกได้ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น โดยความยิ่งใหญ่ของพวกเขามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับการ เทคโอเวอร์ ด้วยตัวของ “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช เศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซียในปี 2003 สถานะของเขานั้น เขาคือ 1 ในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาคือผู้มีอำนาจและกว้างขวางอย่างมากในประเทศรัสเซีย และแน่นอนว่าเขาเปลี่ยนสโมสรจากเป็นแค่ทีมธรรมดาๆในอังกฤษให้กลายเป็นโคตรทีมของยุโรปได้ในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น

ด้วยการสนับสนุนทางการเงินอย่าง Unlimited พวก โรมัน ทำให้พวกเขาใช้จ่ายเงินอย่างสนุกสนานจนสามารถคว้านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์จำนวนหลายคนมาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้โดยที่มีตัวของ โชเซ มูรินโญ เป็นผู้จัดการทีมที่พร้อมจะสร้าง เชลซี ให้กลายเป็นตำนานของพรีเมียร์ลีก ในขณะที่บางสโมสรนั้น พวกเขาก็ทุ่มเงินดะคล้ายกับเชลซี แต่กลับล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในแง่ของความสำเร็จซะแบบนั้น แต่มันไม่ใช่กรณีสำหรับทางเชลซีเลย

สำหรับเชลซี พวกเขาคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆได้ไม่น้อยกว่า 16 รายการเลยในช่วงเวลาเพียง 16 ปีนับตั้งแต่ อับราโมวิช เข้ามาบริหารสโมสร ซึ่งพวกเขากลายเป็นทีมที่รวยและประสบความสำเร็จมากกว่าสโมสรอื่น ๆ ในอังกฤษ ณ เวลานั้นๆเลยทีเดียว ผู้เล่นหลายคนมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จเหล่านี้ด้วย เช่นรายของ แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, จอห์น โอบี มิเคล และ ปีเตอร์ เช็ก

แต่ในส่วนนี้ เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 5 นักเตะที่คุณไม่คาดคิดว่าเคยย้ายมาอยู่กับทีมเชลซีด้วย ซึ่งจะมีใครกันบ้างเราจะมาดูกัน !

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์

หลายคนในเวลานี้ จะรู้จักเขาในฐานะที่เป็นเทรนเนอร์ของทีมชาติฝรั่งเศส เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสในปี 1998 และในอีก 20 ปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมชาติฝรั่งเศสกลับมาคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้งในปี 2018 ซึ่งมันเท่ากับว่าตำนานมิดฟิลด์รายนี้ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ชเลยทีเดียว ซึ่งหาได้ยากมากในวงการลูกหนัง

ส่วนในสมัยที่เขายังค้าแข้งอาชีพ สโมสรที่ตัวของเขาเคยสังกัดมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นโคตรทีมด้วยกันทั้งสิ้น เขาประสบความสำเร็จกับโอลิมปิก มาร์เซย์ และ ยูเวนตุส อย่างมากที่สุด โดยเขาคว้าทั้งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และถ้วยแชมป์รายการต่างๆมากมายเลย (และแน่นอนว่า เดส์ชองส์ เป็นกัปตันทีมคนล่าสุดของ มาร์เซย์ ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองในปี 1993)

แต่ว่า เดส์ชองส์ ก็ได้เลือกที่จะอำลาการค้าแข้งในลีกอิตาลีที่เขาสร้างความรุ่งโรจน์ให้ตัวเองมากที่สุด ด้วยการ “ลองของ” ด้วยการย้ายไปสู้ พรีเมียร์ลีก

เขาย้ายไปใช้ชีวิตในย่าน “เวสต์ลอนดอน” เพื่อค้าแข้งให้กับ เชลซี ทีมดังของพรีเมียร์ลีกในช่วงยุคสมัยที่ทีมนี้ยังเป็นเพียงแค่ทีมธรรมดาที่ไม่ได้ลุ้นแชมป์อะไร
แถมด้วยสไตล์การเล่นที่ช้าลงไปอย่างมากของเขา และเพราะความช้าของเขานี่เอง ที่ทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้กับทีมหรือนักเตะในพรีเมียร์ลีกที่เข้าบอลกันเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ ซึ่งทำให้เขาเจอกับการรับน้องอย่างไร้ความปราณีเลยทีเดียว

ฟาบิโอ บอรีนี

ฟาบิโอ บอรีนี

เมื่อใครก็ตามที่กล่าวถึง ฟาบิโอ บอรินี่ สิ่งที่นึกถึงได้ในทันทีก็คือเขาเป็นนักเตะที่ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นรายแรกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงเวลาที่เขามาทำงานที่แอนฟิลด์ ซึ่งนั่นคือทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วนั้น เขามาถึงอังกฤษตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร เชลซี โดยเขาย้ายมาจากทีมโบโลญญาในปี 2007 หลังจากการฝึกฝีเท้ามาเป็นเวลา 2 ฤดูกาลกับทีมเยาวชนเชลซี เขาก็ได้ก้าวไปสู่ทีมชุดแรกจนได้ แต่เขาก็พบว่ามันเป็นการยากที่จะเบียดกองหน้าฝีเท้าดีหลายคนในทีมชุดใหญ่เพื่อลงสนามได้ ไล่ตั้งแต่ ฟลอรองค์ มาลูด้า , ดิดิเยร์ ดร็อกบา และตัวของ นิโกลาส อเนลก้า

เขาใช้เวลาสองปีในการรอคอยโอกาสในการลงเล่นให้กับทีมชุดแรก (และส่วนใหญ่ก็คือโดนดองไว้ข้างสนาม) ก่อนที่เขาจะหมดความอดทน และได้เริ่มต้นในการใช้ชีวิตในฐานะนักเตะพเนจร ด้วยการยืมไปเล่นแบบตัวกับทีมระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อย่างทีม สวอนซี ซิตี้ ในเดือนมีนาคม 2011 แต่แม้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมให้เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่ได้รับการเซ็นสัญญาร่วมทีมอย่างถาวร

และเขาเองก็มีโอกาสที่จะได้ย้ายไปเล่นให้กับ โรมา ในช่วงฤดูร้อนปี 2011 ด้วย และเมื่อเขาอยากจะย้ายไปเล่นในบ้านเกิดตามเดิม เขาเลยเลือกที่จะจบความสัมพันธ์ 4 ปีกับทีม เชลซี และในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเวสต์ลอนดอน เขาได้ลงเล่นแค่เพียง 8 ครั้งเท่านั้นจากในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ …

สกอตต์ ปาร์กเกอร์

สกอตต์ ปาร์กเกอร์ มิดฟิลด์ฝีเท้าดีรายนี้ คืออีก 1 นักเตะที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากโดยเฉพาะกับชีวิตของเขาในกรุงลอนดอน โดยเขาได้สร้างชื่อเสียงในฐานะนักเตะเป็นครั้งแรกให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เชาเล่นให้กับทีมดังกล่าวในฐานะกัปตันทีม แถมเขาได้รับการเสนอชื่อเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ FWA อีกด้วย และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในปี 2011 ด้วยเช่นกัน

ในฤดูร้อนปีดังกล่าว เขาได้เซ็นสัญญากับสโมสร ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ส ทีมคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอน และชีวิตการค้าแข้งของเขานั้นก็อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน ตัวของเขาสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในทันที เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ เพราะด้วยความสามารถในการครองบอลของเขา ทั้งในฐานะกองกลางตัวเชื่อมเกมที่ทำหน้าที่เป็นจอมทัพกลางสนาม คอยแจกจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ทำเกม โดยในช่วงนั้น สเปอร์ส อาศัยการทะลุทะลวงของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ในฐานะเพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้า คอยทำลายล้างแนวรับฝั่งตรงข้าม

เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษในปี 2011 และได้รับการเสนอชื่อให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในปี 2012 ก่อนที่อาการบาดเจ็บจะเริ่มรบกวนในเส้นทางอาชีพของเขา และทำให้ฝีเท้าของเขาเริ่มตกลงไปมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะระเบิดฟอร์มกับ สเปอร์ส แล้วก็ เวสต์แฮม เขาเองก็เคยมีประสบการณ์ในการที่ได้ลงเล่นกับทีม เชลซี ด้วยเช่นกัน

เขาเคยย้ายไปค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนมกราคม 2004 แต่เขาก็ไม่สามารถคว้าโอกาสในการลงเล่นได้มากเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากทีมนี้ก็มีนักเตะชั้นนำในตำแหน่งกองกลางอยู่เพียบ ทั้งอย่างตัวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด , ติอาโก้ เมนเดส และยังมี โคลด มาเกเลเล่ และในเมื่อเขาไม่ได้ลงเล่น เขาก็ถูกขายให้กับทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

มาเตญา เคซมัน

มาเตญา เคซมัน

หลังจากที่ยิงประตูกระจายอย่างสนุกเท้าเลยทีเดียวในลีกฮอลแลนด์ และได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย และยังได้แชมป์มากมายหลายรายการกับ PSV ตัวของ เคซมัน ยอดดาวยิงชาวเซอร์เบีย ได้เสร็จสิ้นภารกิจในลีกกังหันลม และเขาก็ได้ย้ายไปยังสโมสร เชลซี ในช่วงฤดูร้อนปี 2004 เพื่อหาความท้าทายใหม่

อดีตกองหน้าทีมชาติเซอร์เบีย มีค่าเฉลี่ยในการยิงประตูเกือบจะนัดละ 1 ประตูเลยทีเดียวใน อิเรดิวิชีส์ และเขาหวังที่จะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ร่วมกับ เชลซี ที่กำลังสร้างทีมใหม่พอดี แต่ว่าก็ไม่มีใครคาดคิดว่าโคตรกองหน้ารายนี้ จะมา “ล้มเหลว” ในการค้าแข้งที่พรีเมียร์ลีก ไม่น่าเชื่อว่าดาวยิงรายนี้ เขาจะยิงไม่ได้เลยในพรีเมียร์ลีกเป็นเวลาถึง 4 เดือน ซึ่งเขาต้องรอจนถึงเดือนธันวาคมเพื่อเปิดซิงประตูแรกของเขา และเขาไม่ได้ทำประตูให้กับทีมอีกเลยจนถึงเดือนมีนาคม โดยเขามีสถิติในการยิงทั้งหมด 7 ประตูจากการลงเล่นไป 41 นัดในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ แล้วมันก็น่าผิดหวังอย่างมากเลยทีเดียว

เคซมัน ล้มเหลวในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ เชลซี และอาชีพการค้าแข้งของเขาที่ เดอะ บริดจ์ ต้องเรียกว่าส่วนใหญ่มันจัดว่าเป็นความล้มเหลวอย่างชัดเจน และแม้ว่าเขาจะทำประตูชัยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของถ้วยลีกคัพในปี 2005 กับทีม ลิเวอร์พูล ได้ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สโมสรอยากเก็บเขาไว้ และทีมก็ขายเขาไปให้กับทีม แอตเลติโก มาดริด หลังจากผ่านไปเพียงฤดูกาลเดียวในพรีเมียร์ลีก

เอร์นาน เครสโป

เอร์นาน เครสโป กองหน้าระดับตำนานชาวอาร์เจนตินา คือยอดแข้งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเขา และหลังจากที่เขาระเบิดฟอร์มกับทีม ริเวอร์เพลท ในอาร์เจนตินา ประเทศบ้านเกิดของเขาเขาได้นั้น เขาก็ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกเลยทีเดียว ทั้งในตอนที่เขาเล่นให้กับ ลาซิโอ และ เอซี มิลาน

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้ย้ายมาเป็นพาร์ทเนอร์ในแดนหน้าของ อันเดรย์ เชฟเชงโก้ ที่สโมสร เอซี มิลาน และสามารถทำประตูได้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2005 อดีตดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินารายนี้ ได้เซ็นสัญญากับทีม เชลซี มาก่อนแล้วในช่วงฤดูร้อนปี 2003

แต่เขาก็มีโอกาสค้าแข้งเพียงหนึ่งฤดูกาลเท่านั้นที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนที่เขาจะโดนปล่อยตัวไปเล่นในอิตาลีอีกครั้งกับ เอซี มิลาน ในสัญญายืมตัว และถึงแม้จะกลับมายังทีม เชลซี อีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งปี แต่ว่า เครสโป ก็ยังล้มเหลวในการเบียดแย่งตำแหน่งกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าทีมชาติไอวอรีโคสต์

สัญญาของเขากับเชลซีที่เซ็นเอาไว้เป็นเวลาห้าปี แต่ส่วนใหญ่เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรอื่นแบบยืมตัวมากกว่า และในขณะเดียวกันเขาก็มีสถิติยิงได้แค่ 25 ประตูจาก 73 แมตช์เท่านั้นจากในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ อาจยังไม่ถึงขั้นหายนะจริง ๆ แต่ความจริงที่ว่าเขาย้ายมาด้วยค่าตัวที่สูง และมีชื่อเสียงมากพอสมควร แต่ล้มเหลวในการทำผลงานให้กับทีมที่คุ้มกับค่าตัว

แหล่งข้อมูลข่าว : บ้านผลบอล

Share

พี่แจ้ ยัน เอฟเวอร์ตัน ไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีม “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ออกมายืนยันว่าทีมของเขาไม่ใช่ทีมในกลุ่มที่มีโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ถึงแม้ว่าทีมของเขาจะมีผลงานที่ดีและกำลังเกาะอยู่ในกลุ่มท็อป 6 ของลีกก็ตาม

ในขณะเดียวกันที่ ริโอ เฟอร์ดินาน ยกให้ เอฟเวอร์ตัน เป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่ทว่า อันเชล็อตติ กลับมีความเห็นที่ต่างออกไป “ด้วยความสัตย์จริง พวกเราไม่เคยคิดถึงเรื่องของการคว้าแชมป์” คาร์โล อันเชล็อตติ กล่าว

“สิ่งที่อยู่ในความคิดของพวกเขา นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลก็คือการไปเล่นฟุตบอลยุโรปให้ได้ในฤดูกาลหน้าและตอนนี้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากๆ มันขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเขาในอีกครึ่งฤดูกาลที่เหลือ”

“คุณเห็นอันดับในตารางคะแนน มีทีมระดับท็อปหลายทีมที่ไม่เคยขึ้นมาอยู่ตรงนี้ ทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน แอสตัน วิลล่า และ เวสต์แฮม ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ เชลซี และ อาร์เซน่อล ยังไม่ขึ้นมา แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาพวกเขาขึ้นมาได้ในไม่ช้า”

Share

สิ่งที่น่าสนใจเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

ศึกบิ๊กแมตช์ในคืนวันอาทิตย์สำหรับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 8 เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าจะได้เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม เพื่อรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า โดยเป็นทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่คว้าแชมป์ในฤดูกาล 2019-20 ด้วยการมีคะแนนมากกว่าทีมของ เป๊ป กวารดิโอล่า ถึง 18 คะแนน ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากันในเวลานี้

สิ่งที่น่าสนใจแรกก็คือเกมรุกของแมนฯ ซิตี้ จะสามารถจัดการเกมรับของลิเวอร์พูลที่ไม่มี เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งได้หรือไม่ แม้ว่า โจเอล มาติป จะมีโอกาสกลับมาลงสนามให้กับทีมของคล็อปป์ แต่ทีมของกวาร์ดิโอล่าก็เสียหายไปเหมือนกัน เมื่อไม่มี เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าตัวเก่ง โดยมีเพียง กาเบรียล เฆซุส ที่เพิ่งจะกลับมาลงสนามในเกมล่าสุดที่บุกไปถล่ม โอลิมปิก มาร์กเซย ได้ 3-0 โดยดาวยิงชาวบราซิลทำได้ด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม เควิน เดอ บรอยน์ ตัวทีเด็ดของแมนฯ ซิตี้ยังพร้อมลงสนามในเกมนี้ หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่น กับเกมที่เจอกันล่าสุดที่สนามแห่งนี้ เมื่อทีมถล่มลิเวอร์พูลไปได้ 4-0 ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ ฟิล โฟเด้น และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยังพร้อมลุยทั้งหมด

ทีมของคล็อปป์เล่นบอลยาวมากขึ้นอย่างชัดเจนในฤดูกาล เมื่อจะเป็นแดนหลังของทีมที่เปิดบอลไปให้สามประสานแดนหน้าสอดเข้าไปทำประตูและประสบความสำเร็จมาหลายเกม แน่นอนว่าเรื่องลูกกลางอากาศยังเป็นสิ่งที่แนวรับของแมนฯ ซิตี้ต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะ รูเบน ดิอาส กองหลังตัวใหม่ที่เพิ่งจะย้ายจาก เบนฟิก้า มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์

ฟูลแบ็คของลิเวอร์พูลจะสามารถปิดเกมทางด้านข้างของแมนฯ ซิตี้ได้หรือไม่ ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวล เมื่อ ไคล์ วอล์คเกอร์ และ เจา คันเซโล่ สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เมื่อเติมเกมขึ้นมาช่วยเกมรุก ในขณะที่ ริยาด มาห์เรซ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังเป็นสองนักเตะในตำแหน่งปีกที่มีโอกาสลงสนามมาเพื่อป่วนเกมรับด้านข้างของแชมป์เก่าด้วย นับเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายด้วยเหมือนกัน เมื่อตัวรุกของลิเวอร์พูลไม่ได้ลงมาช่วยเล่นเกมรับเท่าไหร่นัก

เฟร์ราน ตอร์เรส จะได้เจอกับบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ หากต้องลงเล่นในตำแหน่งกองหน้า หลังจากลงสนามในเกมที่เจอกับมาร์กเซยเมื่อกลางสัปดาห์และทำได้ 1 ประตู แต่เกมนี้จะเป็นการพบกับทีมที่แข็งแกร่งและแทบจะไม่มีเวลาสำหรับการครองบอลมากนัก หลังย้ายจาก บาเลนเซีย มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หากกวาร์ดิโอล่าตัดสินใจที่จะเลือกนักเตะลงสนามก่อนเฆซุส

Share

สิ่งที่น่าสนใจระหว่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล

เกมใหญ่ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 มาถึงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเพียงเกมที่ 2 ของฤดูกาลเท่านั้น โดยเป็น เชลซี ทีมที่จบในอันดับที่ 4 ของตารางคะแนนฤดูกาลที่แล้ว และทุ่มเงินไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ ในการยกระดับการเล่น โดยจะได้เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล แชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี และบทความนี้จะมองถึงความน่าสนใจในเกมนี้

ไค ฮาเวิร์ตซ์ และ ติโม แวร์เนอร์
ฮาเวิร์ตซ์ และแวร์เนอร์ เป็นสองนักเตะที่เชลซีทุ่มเงินรวมกันถึง 120 ล้านปอนด์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในเกมรุก เพื่อหวังที่จะทำลายเกมรับของแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังได้เห็นมาแล้วในเกมแรกที่พบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองทีมต่างเก็บ 3 คะแนนในเกมแรกได้เหมือนกัน เกมนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างขวัญกำลังใจในช่วงต้นฤดูกาลต่อไป และแน่นอนว่า ทั้งคู่ก็มีโอกาสที่จะต้องเผชิญหน้ากับแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สองฟูลแบ็คที่ได้รับการยกย่องในระดับโลกเหมือนกัน

นาบี้ เกอิต้า
เกอิต้ายังคงเป็นตัวความหวังในการสร้างผลงานให้กับลิเวอร์พูล เมื่อต้องเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนมาแทบจะตลอด และแฟนบอลแทบจะไม่ได้เห็นผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เชลซียังมีช่องว่างให้เห็นในแนวรับ เมื่อเห็นจากเกมแรกที่ทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด บุกไปเอาชนะไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ได้ 3-1

การเปิดเกมแลกของทั้งสองทีม
แน่นอนว่าในช่วง 10 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน และหากทีมไหนทำประตูได้ อาจจะกลายเป็นความได้เปรียบ เมื่อทั้งสองทีมเป็นทีมที่เล่นเกมรุกเหมือนกัน และกองหลังของทั้งสองทีมยังมีความผิดพลาดให้เห็น และเมื่อเจอกับเกมรุกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงของทั้งสองทีม น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเกิดประตูมากมายในเกมนี้

เชลซีอาจจะเลือกใช้แผงหลัง 3 คนอีกครั้ง
แลมพาร์ดเลือกใช้แผน 3-4-2-1 เมื่อเคยใช้มาแล้วในการบุกไปเยือนแอนฟิลด์ แม้ว่าเกมจะจบลงด้วยสกอร์ 5-3 และเป็นลิเวอร์พูลที่คว้าชัยชนะ แต่ก็เป็นเหมือนกับการเปิดแผลเกมรับของเจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาให้ได้เห็น ในขณะรูปเกมดังกล่าวก็ยังออกมาสูสี

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และมาร์กอส อลอนโซ่
ซาล่าห์ ซัดแฮตทริคในเกมที่พบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกมแรกของฤดูกาลมาได้ แต่เกมนี้มีโอกาสที่จะได้เจอกับอลอนโซ่ ที่มีปัญหาเรื่องเกมรับอย่างชัดเจน หลังเบน ชิลเวลล์ แบ็คค่าตัวแพงของสิงห์บลูยังลงสนามไม่ได้ เนื่องจากบาดเจ็บอยู่ น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจสำหรับเกมนี้ และอาจจะเป็นตัวชี้ชะตาผลของเกมการแข่งขันเลยก็ได้

Share

ไอ้หนู เทรนด์ กล่าวถึงเพื่อนร่วมทีมผ่านสื่อ

เทรนด์ ฝากข่าวฝากความคิดถึงมาถึงพลพรรคหงส์แดงว่า หลังจบเกมทีมชาติ เราจะกลับมาสู้กันให้เต็มที่ก็ดูเหมือนในตอนนี้อะไรๆ จะดีไปหมดสำหรับหงส์แดงลิเวอร์พูล แม้ว่านักเตะตัวหลักอย่าง ซาลาห์ ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะรีบรักษาอาการบาดเจ็บ โดยการถอนตัวออกจากทีมชาติ เพื่อพักรักษาให้หายก่อนที่จะกลับไปรับใช้ชาติตัวเองในเกมต่อไป และ เพื่อจะกลับมาให้ทันเกมสโมสร 

นอกจาเขาแล้วก็ยังรวมถึง โรเบิร์ตสัน ที่ถอนตัวจากทีมชาติสกอตแลนด์และชั่วคราวเพราะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังด้วยเช่นเดียวกัน และกับกรณี โจ โกเมซ ที่มีปัญหากับ สเตอริ่ง  ก็กลายเป็นว่า เขาได้รับความเห็นอกเห็นใจจากแฟนบอลมากกว่าสเตอร์ริง 

แน่นอนว่าตอนนี้หลายคนมองว่าหงส์แดง กำลังระเริงกับชัยชนะ แต่ ดาวรุ่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์- อาร์โนลด์ ย้ำว่าเราไม่เป็นเช่นนั้น และกล่าวผ่านสื่อถึงเพื่อนร่วมทีมว่าขอให้ทุกคนรักษาโมเมนตั้ม รักษาความกระหายในชัยชนะเอาไว้ เพราะหลังจากหมดเกมทีมชาติ พวกเราจะกลับมาสู้กันต่อในเกมลีกและในการแข่งขันอีกหลายรายกา รเราจะต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งและจะต้องชนะให้ได้เหมือนที่ผ่านมา

Share