เชลซี คือทีมที่โดนเปลี่ยนแปลงโชคชะตาแบบคาดไม่ถึงเมื่อตอนปี 2003 ทำให้พวกเขาพัฒนาจากทีมธรรมดาๆให้กลายมาเป็นยอดทีมของพรีเมียร์ลีกได้ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น โดยความยิ่งใหญ่ของพวกเขามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับการ เทคโอเวอร์ ด้วยตัวของ “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช เศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซียในปี 2003 สถานะของเขานั้น เขาคือ 1 ในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาคือผู้มีอำนาจและกว้างขวางอย่างมากในประเทศรัสเซีย และแน่นอนว่าเขาเปลี่ยนสโมสรจากเป็นแค่ทีมธรรมดาๆในอังกฤษให้กลายเป็นโคตรทีมของยุโรปได้ในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น
ด้วยการสนับสนุนทางการเงินอย่าง Unlimited พวก โรมัน ทำให้พวกเขาใช้จ่ายเงินอย่างสนุกสนานจนสามารถคว้านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์จำนวนหลายคนมาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้โดยที่มีตัวของ โชเซ มูรินโญ เป็นผู้จัดการทีมที่พร้อมจะสร้าง เชลซี ให้กลายเป็นตำนานของพรีเมียร์ลีก ในขณะที่บางสโมสรนั้น พวกเขาก็ทุ่มเงินดะคล้ายกับเชลซี แต่กลับล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในแง่ของความสำเร็จซะแบบนั้น แต่มันไม่ใช่กรณีสำหรับทางเชลซีเลย
สำหรับเชลซี พวกเขาคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆได้ไม่น้อยกว่า 16 รายการเลยในช่วงเวลาเพียง 16 ปีนับตั้งแต่ อับราโมวิช เข้ามาบริหารสโมสร ซึ่งพวกเขากลายเป็นทีมที่รวยและประสบความสำเร็จมากกว่าสโมสรอื่น ๆ ในอังกฤษ ณ เวลานั้นๆเลยทีเดียว ผู้เล่นหลายคนมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จเหล่านี้ด้วย เช่นรายของ แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, จอห์น โอบี มิเคล และ ปีเตอร์ เช็ก
แต่ในส่วนนี้ เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 5 นักเตะที่คุณไม่คาดคิดว่าเคยย้ายมาอยู่กับทีมเชลซีด้วย ซึ่งจะมีใครกันบ้างเราจะมาดูกัน !
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์
หลายคนในเวลานี้ จะรู้จักเขาในฐานะที่เป็นเทรนเนอร์ของทีมชาติฝรั่งเศส เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสในปี 1998 และในอีก 20 ปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมชาติฝรั่งเศสกลับมาคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้งในปี 2018 ซึ่งมันเท่ากับว่าตำนานมิดฟิลด์รายนี้ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ชเลยทีเดียว ซึ่งหาได้ยากมากในวงการลูกหนัง
ส่วนในสมัยที่เขายังค้าแข้งอาชีพ สโมสรที่ตัวของเขาเคยสังกัดมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นโคตรทีมด้วยกันทั้งสิ้น เขาประสบความสำเร็จกับโอลิมปิก มาร์เซย์ และ ยูเวนตุส อย่างมากที่สุด โดยเขาคว้าทั้งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และถ้วยแชมป์รายการต่างๆมากมายเลย (และแน่นอนว่า เดส์ชองส์ เป็นกัปตันทีมคนล่าสุดของ มาร์เซย์ ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองในปี 1993)
แต่ว่า เดส์ชองส์ ก็ได้เลือกที่จะอำลาการค้าแข้งในลีกอิตาลีที่เขาสร้างความรุ่งโรจน์ให้ตัวเองมากที่สุด ด้วยการ “ลองของ” ด้วยการย้ายไปสู้ พรีเมียร์ลีก
เขาย้ายไปใช้ชีวิตในย่าน “เวสต์ลอนดอน” เพื่อค้าแข้งให้กับ เชลซี ทีมดังของพรีเมียร์ลีกในช่วงยุคสมัยที่ทีมนี้ยังเป็นเพียงแค่ทีมธรรมดาที่ไม่ได้ลุ้นแชมป์อะไร
แถมด้วยสไตล์การเล่นที่ช้าลงไปอย่างมากของเขา และเพราะความช้าของเขานี่เอง ที่ทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้กับทีมหรือนักเตะในพรีเมียร์ลีกที่เข้าบอลกันเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ ซึ่งทำให้เขาเจอกับการรับน้องอย่างไร้ความปราณีเลยทีเดียว
ฟาบิโอ บอรีนี
เมื่อใครก็ตามที่กล่าวถึง ฟาบิโอ บอรินี่ สิ่งที่นึกถึงได้ในทันทีก็คือเขาเป็นนักเตะที่ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นรายแรกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงเวลาที่เขามาทำงานที่แอนฟิลด์ ซึ่งนั่นคือทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วนั้น เขามาถึงอังกฤษตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร เชลซี โดยเขาย้ายมาจากทีมโบโลญญาในปี 2007 หลังจากการฝึกฝีเท้ามาเป็นเวลา 2 ฤดูกาลกับทีมเยาวชนเชลซี เขาก็ได้ก้าวไปสู่ทีมชุดแรกจนได้ แต่เขาก็พบว่ามันเป็นการยากที่จะเบียดกองหน้าฝีเท้าดีหลายคนในทีมชุดใหญ่เพื่อลงสนามได้ ไล่ตั้งแต่ ฟลอรองค์ มาลูด้า , ดิดิเยร์ ดร็อกบา และตัวของ นิโกลาส อเนลก้า
เขาใช้เวลาสองปีในการรอคอยโอกาสในการลงเล่นให้กับทีมชุดแรก (และส่วนใหญ่ก็คือโดนดองไว้ข้างสนาม) ก่อนที่เขาจะหมดความอดทน และได้เริ่มต้นในการใช้ชีวิตในฐานะนักเตะพเนจร ด้วยการยืมไปเล่นแบบตัวกับทีมระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อย่างทีม สวอนซี ซิตี้ ในเดือนมีนาคม 2011 แต่แม้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมให้เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่ได้รับการเซ็นสัญญาร่วมทีมอย่างถาวร
และเขาเองก็มีโอกาสที่จะได้ย้ายไปเล่นให้กับ โรมา ในช่วงฤดูร้อนปี 2011 ด้วย และเมื่อเขาอยากจะย้ายไปเล่นในบ้านเกิดตามเดิม เขาเลยเลือกที่จะจบความสัมพันธ์ 4 ปีกับทีม เชลซี และในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเวสต์ลอนดอน เขาได้ลงเล่นแค่เพียง 8 ครั้งเท่านั้นจากในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ …
สกอตต์ ปาร์กเกอร์
สกอตต์ ปาร์กเกอร์ มิดฟิลด์ฝีเท้าดีรายนี้ คืออีก 1 นักเตะที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากโดยเฉพาะกับชีวิตของเขาในกรุงลอนดอน โดยเขาได้สร้างชื่อเสียงในฐานะนักเตะเป็นครั้งแรกให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เชาเล่นให้กับทีมดังกล่าวในฐานะกัปตันทีม แถมเขาได้รับการเสนอชื่อเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ FWA อีกด้วย และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในปี 2011 ด้วยเช่นกัน
ในฤดูร้อนปีดังกล่าว เขาได้เซ็นสัญญากับสโมสร ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ส ทีมคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอน และชีวิตการค้าแข้งของเขานั้นก็อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน ตัวของเขาสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในทันที เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ เพราะด้วยความสามารถในการครองบอลของเขา ทั้งในฐานะกองกลางตัวเชื่อมเกมที่ทำหน้าที่เป็นจอมทัพกลางสนาม คอยแจกจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ทำเกม โดยในช่วงนั้น สเปอร์ส อาศัยการทะลุทะลวงของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ในฐานะเพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้า คอยทำลายล้างแนวรับฝั่งตรงข้าม
เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษในปี 2011 และได้รับการเสนอชื่อให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในปี 2012 ก่อนที่อาการบาดเจ็บจะเริ่มรบกวนในเส้นทางอาชีพของเขา และทำให้ฝีเท้าของเขาเริ่มตกลงไปมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะระเบิดฟอร์มกับ สเปอร์ส แล้วก็ เวสต์แฮม เขาเองก็เคยมีประสบการณ์ในการที่ได้ลงเล่นกับทีม เชลซี ด้วยเช่นกัน
เขาเคยย้ายไปค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนมกราคม 2004 แต่เขาก็ไม่สามารถคว้าโอกาสในการลงเล่นได้มากเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากทีมนี้ก็มีนักเตะชั้นนำในตำแหน่งกองกลางอยู่เพียบ ทั้งอย่างตัวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด , ติอาโก้ เมนเดส และยังมี โคลด มาเกเลเล่ และในเมื่อเขาไม่ได้ลงเล่น เขาก็ถูกขายให้กับทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
มาเตญา เคซมัน
หลังจากที่ยิงประตูกระจายอย่างสนุกเท้าเลยทีเดียวในลีกฮอลแลนด์ และได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย และยังได้แชมป์มากมายหลายรายการกับ PSV ตัวของ เคซมัน ยอดดาวยิงชาวเซอร์เบีย ได้เสร็จสิ้นภารกิจในลีกกังหันลม และเขาก็ได้ย้ายไปยังสโมสร เชลซี ในช่วงฤดูร้อนปี 2004 เพื่อหาความท้าทายใหม่
อดีตกองหน้าทีมชาติเซอร์เบีย มีค่าเฉลี่ยในการยิงประตูเกือบจะนัดละ 1 ประตูเลยทีเดียวใน อิเรดิวิชีส์ และเขาหวังที่จะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ร่วมกับ เชลซี ที่กำลังสร้างทีมใหม่พอดี แต่ว่าก็ไม่มีใครคาดคิดว่าโคตรกองหน้ารายนี้ จะมา “ล้มเหลว” ในการค้าแข้งที่พรีเมียร์ลีก ไม่น่าเชื่อว่าดาวยิงรายนี้ เขาจะยิงไม่ได้เลยในพรีเมียร์ลีกเป็นเวลาถึง 4 เดือน ซึ่งเขาต้องรอจนถึงเดือนธันวาคมเพื่อเปิดซิงประตูแรกของเขา และเขาไม่ได้ทำประตูให้กับทีมอีกเลยจนถึงเดือนมีนาคม โดยเขามีสถิติในการยิงทั้งหมด 7 ประตูจากการลงเล่นไป 41 นัดในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ แล้วมันก็น่าผิดหวังอย่างมากเลยทีเดียว
เคซมัน ล้มเหลวในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ เชลซี และอาชีพการค้าแข้งของเขาที่ เดอะ บริดจ์ ต้องเรียกว่าส่วนใหญ่มันจัดว่าเป็นความล้มเหลวอย่างชัดเจน และแม้ว่าเขาจะทำประตูชัยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของถ้วยลีกคัพในปี 2005 กับทีม ลิเวอร์พูล ได้ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สโมสรอยากเก็บเขาไว้ และทีมก็ขายเขาไปให้กับทีม แอตเลติโก มาดริด หลังจากผ่านไปเพียงฤดูกาลเดียวในพรีเมียร์ลีก
เอร์นาน เครสโป
เอร์นาน เครสโป กองหน้าระดับตำนานชาวอาร์เจนตินา คือยอดแข้งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเขา และหลังจากที่เขาระเบิดฟอร์มกับทีม ริเวอร์เพลท ในอาร์เจนตินา ประเทศบ้านเกิดของเขาเขาได้นั้น เขาก็ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกเลยทีเดียว ทั้งในตอนที่เขาเล่นให้กับ ลาซิโอ และ เอซี มิลาน
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้ย้ายมาเป็นพาร์ทเนอร์ในแดนหน้าของ อันเดรย์ เชฟเชงโก้ ที่สโมสร เอซี มิลาน และสามารถทำประตูได้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2005 อดีตดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินารายนี้ ได้เซ็นสัญญากับทีม เชลซี มาก่อนแล้วในช่วงฤดูร้อนปี 2003
แต่เขาก็มีโอกาสค้าแข้งเพียงหนึ่งฤดูกาลเท่านั้นที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนที่เขาจะโดนปล่อยตัวไปเล่นในอิตาลีอีกครั้งกับ เอซี มิลาน ในสัญญายืมตัว และถึงแม้จะกลับมายังทีม เชลซี อีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งปี แต่ว่า เครสโป ก็ยังล้มเหลวในการเบียดแย่งตำแหน่งกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าทีมชาติไอวอรีโคสต์
สัญญาของเขากับเชลซีที่เซ็นเอาไว้เป็นเวลาห้าปี แต่ส่วนใหญ่เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรอื่นแบบยืมตัวมากกว่า และในขณะเดียวกันเขาก็มีสถิติยิงได้แค่ 25 ประตูจาก 73 แมตช์เท่านั้นจากในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ อาจยังไม่ถึงขั้นหายนะจริง ๆ แต่ความจริงที่ว่าเขาย้ายมาด้วยค่าตัวที่สูง และมีชื่อเสียงมากพอสมควร แต่ล้มเหลวในการทำผลงานให้กับทีมที่คุ้มกับค่าตัว
แหล่งข้อมูลข่าว : บ้านผลบอล